โรคที่ชื่อไม่เท่เอาซะเลยนี้คือ
โรคของหูชั้นในที่เกิดจากความผิดปกติ
ของปริมาณหรือความดันของน้ำ
ในหูชั้นใน (endolymph) ทำให้เกิดอาการเวียนหัว
บ้านหมุน และอาจมีปัญหาทางการได้ยิน
-ราวเดือนสิงหาคมผมได้ยินเสียงวิ้งๆ ตอนนอน
-14 พ.ค. 68 ผมมีอาการมึนหัวหนักมากจึงไปโรงบาล
-สรุปผมเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
(ชื่อไม่เท่เลย และไม่ใช่น้ำในหูไม่เท่ากันจริงๆ)
-โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
-แต่ผมสังเกตนิสัยผมช่วงหลังคือกินคาราบาวแดงถี่มาก
วันละขวดสองขวด (คาเฟอีนเยอะ)
-และผมกินมาม่าบ่อยๆ ในช่วงนี้ (โซเดียมเยอะ)
- นอกจากมึนหัว ผมมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย
- และไอ้เวลานอนได้ยินเสียงวิ้งๆ ทรมานเกิ๊น
-สุดท้ายคือผมใช้น้ำมันทอดซ้ำ (เพราะใช้เสร็จ เสียดาย)
นี่แค่เป็นการสันนิษฐานจากอาการตัวเองนะ
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด
ผมมีนัดตรวจก้านสมองและทำกายภาพไหล่เร็วๆ นี้
หากโพสต์นี้จะมีประโยชน์
นั่นคืออย่ากินอะไรซ้ำๆ เยอะเกินไป
ควรกินแต่พอดี และเว้นบ้าง ยิ่งกินเยอะยิ่งโรคเยอะ
ถ้าอยากอายุยืน กินให้น้อยๆ แต่พอดีครับ
รู้ซึ้งเลย การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
ทีนี้จะเป็นการสาธยายแบบละเอียดขึ้นครับ
ผมเขียน ณ เวลา 3:45 น. วันที่ 21 พ.ค. 2568
จนถึงวินาทีที่เขียนอยู่ ผมอายุ 39 ปี 2 เดือน 9 วัน
อาการเริ่มเมื่อราว 9 เดือนก่อน เวลานอนผมได้ยินเสียงวิ้งๆ
เหมือนจั๊กจั่น หนักไปทางด้านซ้ายมากกว่า แต่พอนอนได้
จนกระทั่งราว 6 โมงเช้า 14 พ.ค. 68
ผมนั่งลงบนเตียงหลังจากทำงานแปล MT โต้รุ่ง
จู่ๆ ก็เวียนหัว บ้านหมุน เอนตัวนอนก็ยังเวียนหัว
ผมนอนชั่งใจอยู่ราว 30 นาทีจึงตัดสินใจโทรไป
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าที่ผมเพิ่งย้ายสิทธิบัตรทองมา
เจ้าหน้าที่ให้ผมโทรไป 1669
พอผมโทรไป 1669 เจ้าหน้าที่บอกว่าจากที่ที่ผมอยู่
ส่งได้แค่โรงพยาบาลบางบัวทอง (ไม่ได้ส่งตามสิทธิ)
ผมจึงโทรไป 1330 สปสช เจ้าหน่าที่แนะนำดีมาก
บอกว่าให้ 1669 พาไปโรงพยาบาลบางบัวทอง
หากเคสฉุกเฉินก็ย้ายสิทธิชั่วคราวไปบางบัวทองได้
โชคดีที่รถของ 1669 มาส่งคนไข้ใกล้ๆ ที่ผมอยู่พอดี
รอไม่นานรถก็มา เจ้าหน้าที่ซักถาม ตรวจความดันเบื้องต้น
จากนั้นรถก็ออกเดินทาง (ครั้งแรกที่นั่งรถฉุกเฉิน)
พอไปถึงโรงบาล ผมก็ลงรถ นั่งรถเข็น มีเจ้าหน้าที่เข็นให้
และเจ้าหน้าที่ก็ขอบัตรประชาชนผมไป
น่าจะไปทำเรื่องโอนสิทธชั่วคราวเพื่อใช้สิทธิบัตรทอง
และคุณหมอก็มาเจาะเลือดดูค่าน้ำตาล ถามอาการ
รอสักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาเข็นไปหาหมอ นั่งรอราว 20 นาที
คุณหมอซักถามอาการ และวินิจฉัยว่าผมเป็นโรคน้ำในหู
สั่งฉีดยาแก้เมารถ Dimenhydrinate
โชคร้ายคือผมน่าจะแพ้ยานี่ ผ่านไปราว 7 นาทีผมมึนหัว
ตาพร่ามัว พูดไม่คล่อง ลิ้นเปลี้ย เหมือนจะตาย
จึงขอไปพบคุณหมออีกครั้ง คุณหมอให้ไปนอนพักดูอาการ
ผมหลับไปราว 3 ชม. ดีขึ้นหน่อย แต่ตายังพร่ามัว
ลุกขึ้น รับใบเสร็จ จ่าย 90 (มียานอก 60 บาท)
สรุปผมได้ยามา 5 ถุง (กินไปสี่วันจึงเลิกกิน)
พอกลับมาก็นอนพักต่อ ตายังพร่ามัว (จนถึงตอนนี้)
ส่วนอาการมึนหัวมีบางจังหวะเวลาขยับแรงและเร็วเกินไป
วันรุ่งขึ้น 15 พ.ค. 68 ผมต้องไปทำกายภาพไหล่
ที่โรงบาลพระนั่งเกล้าตามนัดคุณหมอ
ขณะเดินทางก็มีมันหัว เกือบล้มตอนนั่งแล้วลุกขึ้น
ใช่ครับ ผมเป็นออฟฟิศซินโดรมด้วย เจ็บไหล่ขวา
วันที่ 16 ผมยังมึนหัว จึงตัดสินใจไปหาหมอ
ที่โรงบาลพระนั่งเกล้า second opinion
ด้วยความที่ไม่ได้นัดหมอก่อน Walk in เข้าไป
(ตรงนี้มีข้อมูลดีๆ ให้ครับ ถ้าใครไปหาหมอโดยไม่นัด
ให้ไปแต่เช้า พอไปถึงรีบกดบัตรคิวและรอเรียก)
ผมไปถึง ด้วยความไม่รู้จึงไม่กดบัตรคิว
ผ่านไปราว 30 นาทีถึงรู้และได้กดบัตรคิว
สรุปเลยได้คิว 180 กว่า รอเป็นชั่วโมงสิครับ
ดีหน่อย ระหว่างรอผมเลยเดินไปนั่งกินข้าว กินยา
เสร็จแล้วมายืนรออีกแป๊บก็ถึงคิวพอดี (ดีไม่เลยคิว)
เจ้าหน้าที่ให้ใบนัดมาตอน 8 โมงนิดๆ
แต่ผมต้องไปยื่นตอน 10 โมงนิดๆ งานช้างเลย
ต้องหาที่นั่งสัปหงกรอราว 2 ชั่วโมง
(การนั่งสัปหงกมันไม่สนุกเลย ทรมาน ยิ่งมึนหัวอีก)
พอ 10 โมงก็ไปยื่นใบนัด นั่งรอจนเที่ยง (สัปหงกเช่นเคย)
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเที่ยงคือเจ้าหน้าที่พักเบรก!
เรียกคิวอีกทีบ่ายโมง สัปหงกรอต่อไป
แต่ถึงตอนนี้ผมก็คิดว่าจะรอต่อหรือกลับไปนอนดี ทรมาน
ถ้านับว่ามาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงตอนนี้ 6 ชั่วโมงแล้ว
ยังไม่ได้เจอหมอ สรุปตัดสินใจรอต่อ
ราวบ่ายโมงครึ่งก็ถึงคิว เข้าไปนั่งรอในห้องต่อ
ราวบ่ายสองถึงเจอหมอ เล่าอาการ
หมอไม่บอกว่าเป็นโรคน้ำในหู แต่คงสงสัย
ส่งผมไปตรวจหูอีกห้อง ซึ่งใช้เวลาราว 35 นาที
สรุปหูผมปกติ แต่ซ้ายจะได้ยินไม่ชัดเท่าขวา
และหมอนัดตรวจก้านสมอง
แต่ผมมั่นใจว่าน่าจะเป็นโรคที่ชื่อไม่เท่เอาซะเลยนี่แหละ
หากโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์บ้าง
ถ้ามีโอกาส มีกำลัง สติปัญญา เร่งหาเงินครับ
แล้วไปโรงพยาบาลเอกชน หาหมอเก่งๆ ไม่ต้องรอคิว
ไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่อตัวพ่อ แม่ ลูก เมียคุณด้วย
อยู่ประเทศนี้ (หรือประเทศไหนๆ) อย่าจน ดีที่สุดครับ
ลืมไป ผมถาม ChatGPT โรคนี้ไม่ทำให้ถึงตาย
แต่ถ้าไปเป็นลมล้มกลางถนน รถเหยียบก็ตาย
(และอาจหูหนวกถาวรได้)
หากมีอาการต้องหยุดทำกิจกรรมใดๆ
เลี่ยงอาหารเค็ม โซเดียมสูง ช็อกโกแลต อาหารแปรรูป
เลี่ยงคาเฟอีน
หากมองในแง่ดี แบบนี้ผมก็จะได้เลี่ยงอาหารเค็ม
ทำให้มีเปอร์เซ็นต์น้อยจะเป็นโรคไต?
ซึ่งผมว่าโรคไตน่าจะทรมานกว่ามาก ฟอกไตไม่สนุกแน่
นั่นแหละครับ อย่าตามใจปากมากนัก
กินแต่พอดี ฉลาดกิน ป้องกันดีกว่ารักษาครับ
อย่างมากก็แค่ตาย กรรมยุติธรรมเสมอ
สร้างเหตุย่อมได้รับผล ไม่ว่าดีหรือแย่
อยู่ที่ช้าหรือเร็ว
จงรักษา แก้ไขตามกำลังสติปัญญา
และยอมรับผลแบบแมนๆ และมีสติ
21-พ.ค.-68
...................
ผมสงสัยมาตลอดว่าทิชชู่จีนยี่ห้อที่ขายดีในแอปฯ ส้ม
"มันดีไหม ปลอดภัยและมีมาตรฐานไหม"
สรุปคือมีมาตรฐานใช้เช็ดหน้าเช็ดปากได้ครับ
1. มันมี GB/T20808 (ผลิตตามมาตรฐานแนะนำของจีน)
ปลอดภัยที่จะใช้เช็ดหน้าและปาก
2. ระบุว่าผลิตจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ (Virgin Pulp)
ไม่ได้ใช้กระดาษรีไซเคิล
เหตุผลประกอบคือขายในไทยมาหลายปี
หลายร้านยอดขายเป็นแสน แต่รีวิวและคะแนนยังดีอยู่
ผมคัดร้านมาแล้ว
(ข้อมูลคะแนนรีวิว ณ 28 พ.ค. 68)
1. ส่งจากไทย ดังนั้นได้รับเร็วแน่ๆ
2. เป็นมาตรฐาน GB/T20808
ปลอดภัยที่จะใช้เช็ดหน้าและปาก)
3. มียอดขายเยอะ และคะแนนรีวิวยังดีอยู่
1. Botare ยอดขาย 139,700 คะแนน 4.9/5
4. Cheerful (แบบแขวน 1,280 แผ่น) ยอดขาย 49,200 คะแนน 4.9/5
✌