ค้นบทความอื่นๆ

วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

แปลเพลง All Too Well - Taylor Swift (10 Minute Version) :อังกฤษปุ๊กปิ๊ก

 

หลายคนเชื่อว่าเพลงนี้

เกี่ยวกับ Jake Gyllenhaal



จากบทความในเว็บ People < คลิกอ่าน มีดังนี้

[ 23 ต.ค. 2010 มีคนเห็น Taylor กับ Jake อยู่ด้วยกัน

หลังเวทีของรายการ Saturday Night Live


และรุ่งขึ้น วันที่ 24 ต.ค. ก็มีภาพทั้งคู่

ออกมากินมื้อสายกัน

ใน Brooklyn, New York (ภาพด้านล่าง)



13 ธ.ค. 2010 ปาร์ตี้วันเกิดอายุครบ 21 ปีของ Taylor

Jake ไม่มาร่วมงาน


(ซึ่งน่าจะมีปัญหากันช่วงนั้น)

แต่ช่วงมกราคม 2011 ก็มีเห็นทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน

ไม่มีจับมือกัน แต่ดูมีความสุข ]

หลังจากนี้ก็เลิกจริงๆ รวมราวสามเดือน


Taylor แต่งเพลงนี้ช่วงที่เธอดิ่งสุดๆ

ใจสลาย แหลกเหลว หมดอาลัยตายอยาก

"I was just, like, a broken human"

"ตอนนั้นฉันเหมือนมนุษย์ที่ใจพัง ใจแหลกสลาย"


คำเตือน: เพลงนี้อธิบายเยอะหน่อย รกหน่อย

บริบทเยอะ ต้องตีความ ต้องค้นข้อมูลเพียบ



I walked through the door with you, the air was cold

But something 'bout it felt like home somehow

ฉันเดินผ่านประตูเข้าไปกับคุณ อากาศหนาวเหน็บ

แต่มันก็รู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่บ้าน


And I left my scarf there at your sister's house

And you've still got it in your drawer, even now

ฉันลืมผ้าพันคอไว้ที่บ้านพี่สาวคุณ

และคุณยังเก็บมันไว้ในลิ้นชักคุณ แม้กระทั่งตอนนี้

(พี่สาวเจคบอกว่าไม่รู้เรื่องผ้าพันคอนี้เลย

แต่ก็เป็นไปได้ว่าเทย์เลอร์จะลืมมันไว้จริง)


Oh, your sweet disposition and my wide-eyed gaze

We're singing in the car, getting lost upstate

โอ้ ความน่ารักของคุณและสายตาที่ปลื้มปริ่มของฉัน

เราร้องเพลงในรถ ขับชิลไปเรื่อยในอัปสเตต

(upstate คือเมืองทางเหนือของนิวยอร์ก

สวยงาม สงบ น่าขับรถเล่นชิลๆ

เว็บ Genius บอกว่า Sweet Dispostion

เป็นชื่อเพลงของวง The Temper Trap

หนึ่งในวงโปรดของ Jake ด้วย

wide-eyed gaze คือการมองแบบตาโต สื่อถึงแง่บวก

อาจจะทึ่ง อึ้ง ปลื้มปริ่มกับความน่ารักของเจค

แต่ถ้าจากเอ็มวีคือตาโต ทึ่งกับบ้านสวยๆ

getting lost ไม่ได้หลงทางจริง ฟีลแบบขับไปเรื่อย)


Autumn leaves falling down like pieces into place

And I can picture it after all these days

ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง

ร่วงหล่นราวจิ๊กซอว์ที่ประกอบเป็นรูปภาพ

และฉันยังจำภาพนั้นได้ แม้ผ่านมาเนิ่นนาน

(ใบไม้ร่วงลงตามธรรมชาติ อย่างที่ควรจะเป็น ตรึงใจ)


And I know it's long gone and

That magic's not here no more

And I might be okay, but I'm not fine at all

Oh, oh, oh

ฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว

และสิ่งแสนวิเศษนั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

ฉันอาจดูโอเค แต่ใจฉันโคตรจะพัง

(ภายนอกพยายามแสร้งว่าไม่เป็นไร)


Cause there we are again

on that little town street

You almost ran the red

'cause you were lookin' over at me

เพราะภาพเราผุดขึ้นมาอีกแล้ว

บนถนนเล็กๆ นั่นของเมือง

คุณเกือบจะขับฝ่าไฟแดง

เพราะคุณมัวแต่มองมาที่ฉัน

('Cause there we are again ภาพในอดีตผุดขึ้นมาเรื่อย

ลืมไม่ได้ เพราะรักฝังใจ

อยู่ในช่วงผิดหวังมาก ทุกข์มาก)


Wind in my hair, I was there

I remember it all too well

ลมพัดผมฉันปลิว ฉันอยู่ตรงนั้น

ฉันจำทั้งหมดได้แจ่มชัด


Photo album on the counter,

your cheeks were turning red

You used to be a little kid with glasses

in a twin-sized bed

อัลบั้มรูปบนเคาน์เตอร์

ทำให้คุณอายจนแก้มแดง

คุณเคยเป็นเด็กแว่นบนเตียงทวินไซซ์

(เตียงเด็กหรือวัยรุ่น กว้าง 99 ซม. ยาว 191 ซม.)


And your mother's telling stories

'bout you on the tee-ball team

You taught me 'bout your past,

thinking your future was me

แม่คุณเล่าเรื่องสมัยที่คุณอยู่ในทีมที-บอล

คุณเล่าอดีตของคุณให้ฉันฟัง

และคิดว่าอนาคตของคุณคือฉัน

(ที-บอลคือเบสบอลสำหรับเด็ก มีไม้ตั้งไว้วางลูกเพื่อตี)


And you were tossing me the car keys,

"fuck the patriarchy"

Key chain on the ground,

we were always skipping town

และคุณโยนกุญแจรถให้ฉัน

"ไอ้แนวคิดชายเป็นใหญ่เฮงซวย!"

พวงกุญแจร่วงอยู่บนพื้น

เราหนีไปเที่ยวนอกเมืองกันเสมอ

(จากเอ็มวีคือด่าเจคที่โยนกุญแจให้ แทนที่จะยื่นให้ดีๆ

แต่อาจหมายถึงเจคให้เทย์เลอร์ขับ

โยนกุญแจให้ แต่เทย์เลอร์รับไม่ได้เอง ซุ่มซ่าม

หรือโยนให้แบบไม่เต็มใจ ไม่ตั้งใจ โยนส่งๆ

ทำให้เทย์เลอร์รับไม่ได้

จากเว็บ Genius เทย์เลอร์ทำพวงกุญแจ

ที่มีคำว่า "fuck the patriarchy" ขายด้วย)


And I was thinking on the drive down, any time now

He's gonna say it's love,

you never called it what it was

และฉันคิดระหว่างขับรถไป

"เดี๋ยวเขาจะต้องบอกว่านี่คือความรักแน่"

คุณไม่เคยพูดเลยว่าระหว่างเรามันคืออะไร


'Til we were dead and gone and buried

Check the pulse and come back

swearing it's the same

After three months in the grave

จนกระทั่งเราตายจากกันไปและถูกฝัง

เช็กดูชีพจรและฟื้นกลับมา สาบานว่าก็ยังเหมือนเดิม

หลังจากสามเดือนในหลุมศพ

(ตรงนี้คือตายจากกันในทางความรู้สึก

กลับมาพยายามก็ต่อกันไม่ติด มันจบแล้วจริงๆ)


And then you wondered where it went to

as I reached for you

But all I felt was shame

and you held my lifeless frame

และคุณก็สงสัยว่าความรู้สึกนั้นมันไปไหน

ขณะที่ฉันเอื้อมหาคุณ

แต่ฉันมีแต่รู้สึกอับอายเท่านั้น

และคุณอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของฉัน

(สื่อว่าเทย์เลอร์พยายามเข้าหา ประคับประคอง

แต่ยิ่งพยายามยิ่งอับอาย สุดท้ายก็ท้อ พอแล้ว

เหมือนพยายามอยู่ฝ่ายเดียว

frame แปลว่าร่างกาย/ กรอบรูปก็ได้)


And I know it's long gone and

There was nothing else I could do

And I forget about you long enough

To forget why I needed to

และฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว

ฉันทำอะไรไม่ได้

และฉันพยายามลืมคุณนานมาก

จนลืมเหตุผลที่อยากลืมคุณไปแล้ว


'Cause there we are again

in the middle of the night

We're dancing 'round the kitchen

in the refrigerator light

เพราะภาพเราผุดขึ้นมาอีกแล้ว

กลางดึกคืนนั้น

เราเต้นรำไปรอบๆ ครัว

โดยมีเพียงแสงจากตู้เย็น


Down the stairs, I was there

I remember it all too well

ตรงตีนบันได ฉันอยู่ตรงนั้น

ฉันจำทั้งหมดได้แจ่มชัด


And there we are again when nobody had to know

You kept me like a secret,

but I kept you like an oath

Sacred prayer and we'd swear

To remember it all too well, yeah

และภาพเราผุดขึ้นมาอีกแล้ว

เมื่อครั้งสัมพันธ์นี้ห้ามใครรู้

คุณเก็บฉันไว้เป็นความลับ

แต่ฉันเก็บคุณไว้เยี่ยงคำสาบาน

คำมั่นศักดิ์สิทธิ์ และเราสาบาน

ว่าจะจดจำทั้งหมดให้แจ่มชัดในใจ

(like an oath ให้ความสำคัญ เทิดทูนไว้เยี่ยงคำสาบาน)


Well, maybe we got lost in translation

Maybe I asked for too much

But maybe this thing was a masterpiece

'Til you tore it all up

บางทีเราอาจสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ฉันอาจจะขอมากไป

แต่สิ่งนี้อาจเป็นผลงานมาสเตอร์พีซได้

จนกระทั่งคุณทำลายมันไม่มีชิ้นดี


Running scared, I was there

I remember it all too well

กลัวและวิ่งหนีไป ฉันอยู่ตรงนั้น

ฉันจำทั้งหมดได้แจ่มชัด

(Running scared หมายถึงเจคที่กลัวและหนี

เจคอาจกลัวการผูกมัดหรืออะไรไม่รู้ แต่เลือกจะหนี

โดยเจคเคยให้สัมภาษณ์ว่า

เคยทำให้รักไปไม่รอดสองครั้ง

"It was me, man. I think I probably just got scared."

"เพราะผมเอง ผมน่าจะเกิดกลัวขึ้นมา")


And you call me up again

just to break me like a promise

So casually cruel in the name of being honest

I'm a crumpled up piece of paper lying here

'Cause I remember it all, all, all

และคุณโทรหาฉันอีกครั้ง

เพียงเพื่อจะบดขยี้ใจฉันเฉกเช่นคำสัญญา

โคตรโหดร้ายเลือดเย็นโดยอ้างความจริงใจ

ฉันคือกระดาษที่โดนขยำถูกทิ้งตรงนี้

เพราะฉันจำทั้งหมดได้ ทั้งหมดเลย ทั้งหมด


They say all's well that ends well,

but I'm in a new Hell

Every time you double-cross my mind

พวกเขาบอกว่า "ทุกอย่างดีหมด ถ้าสุดท้ายจบด้วยดี"

แต่ฉันเหมือนตกนรกขุมใหม่ "ทุกครั้ง"

ที่หวนคิดเรื่องคุณ

(all's well that ends well ปกติแปลว่าต้นร้ายปลายดี

new Hell คือนรกแบบที่ไม่มีใครเคยเจอ สื่อว่าทุกข์มาก

หรืออาจไม่ใช่นรกขุมใหม่ แต่แค่จะสื่อว่า

"ฉันรู้สึกเหมือนตกนรกทุกครั้งเมื่อคิดถึงคุณ")


You said if we had been closer in age

maybe it would have been fine

And that made me want to die

คุณบอกว่าถ้าอายุเราใกล้กันกว่านี้

มันอาจไม่มีปัญหาก็ได้

และนั่นทำให้ฉันอยากตาย


The idea you had of me, who was she?

A never-needy, ever-lovely jewel

whose shine reflects on you

มุมมองที่คุณมีต่อฉัน "เธอคือใคร"

คนที่ไม่เรียกร้องอะไร อัญมณีแสนงดงาม

ซึ่งประกายของมันส่องไปที่คุณ


Not weeping in a party bathroom

Some actress asking me what happened, you

That's what happened, you

ไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในห้องน้ำงานปาร์ตี้

นักแสดงสาวคนนึงถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น "คุณไง"

"คุณทำให้ฉันเป็นแบบนี้ คุณ"


You who charmed my dad with self-effacing jokes

Sipping coffee like you're on a late-night show

คุณคนที่เล่นมุกจิกกัดตัวเองจนชนะใจพ่อฉัน

จิบกาแฟเหมือนกำลังออกรายการรอบดึก

(จิบแบบมีมารยาท วางมาดเหมือนออกรายการทีวี)


But then he watched me

watch the front door all night,

willing you to come

And he said, "It's supposed to be fun

turning twenty-one"

แต่แล้วพ่อต้องมามองฉัน

ซึ่งเอาแต่มองประตูหน้าบ้านทั้งคืน

หวังให้คุณมา

และพ่อก็พูดว่า "มันควรสนุกสิ การย่างสู่อายุ 21 น่ะ"

(ตามข้อมูลด้านบนว่าเจคไม่มาวันเกิดเทย์เลอร์)


Time won't fly, it's like I'm paralyzed by it

I'd like to be my old self again,

but I'm still trying to find it

เวลาจะไม่ติดปีก แต่มันฉีกฉันเป็นชิ้นๆ ทุกวินาที

ฉันอยากกลับไปเป็นฉันคนเดิม

แต่ฉันยังพยายามหามันอยู่


After plaid shirt days and nights

when you made me your own

Now you mail back my things and I walk home alone

หลังจากหลายวันคืนที่ใส่เสื้อบอลขลุกอยู่ด้วยกัน

เมื่อคุณทำให้ฉันเป็นของคุณ

ตอนนี้คุณส่งข้าวของฉันคืน

และฉันเดินกลับบ้านเพียงลำพัง

(plaid shirt คือเสื้อลายสก๊อตตัวใหญ่

ฝรั่งใส่อยู่บ้านกัน สบายๆ

ปรับเป็นเสื้อบอลน่าจะเห็นภาพ)


But you keep my old scarf from that very first week

Cause it reminds you of innocence

and it smells like me

You can't get rid of it

'Cause you remember it all too well, yeah

แต่คุณเก็บผ้าพันคอเก่าของฉันจากสัปดาห์แรกไว้

เพราะมันเตือนให้คุณนึกถึงความใสซื่อ

และมันมีกลิ่นของฉันอยู่

คุณทิ้งมันไม่ลง

เพราะคุณจำทั้งหมดได้แจ่มชัด

(can't get rid of it ส่งพัสดุคืนให้หมด

แต่เก็บผ้าพันคอไว้)


'Cause there we are again when I loved you so

Back before you lost

the one real thing you've ever known

เพราะภาพเราผุดขึ้นมาอีกแล้ว

เมื่อครั้งที่ฉันรักคุณมาก

ก่อนที่คุณจะสูญเสีย

สิ่งเดียว "แท้จริง" ที่คุณเคยได้รู้จักไป

(รักที่เทย์เลอร์มีให้เจค มันคือรักจริง แต่เขาเสียมันไป)


It was rare, I was there

I remember it all too well

สิ่งนั้นหาได้ยาก ฉันอยู่ตรงนั้น

ฉันจำทั้งหมดได้แจ่มชัด

(สิ่งนั้น หมายถึงรักหรือความสัมพันธ์ของทั้งคู่)


Wind in my hair, you were there

You remember it all

Down the stairs, you were there

You remember it all

ลมพัดผมฉันปลิว คุณอยู่ตรงนั้น

คุณจำทั้งหมดได้

ตรงตีนบันได คุณอยู่ตรงนั้น

คุณจำทั้งหมดได้


It was rare, I was there

I remember it all too well

สิ่งนั้นหาได้ยาก ฉันอยู่ตรงนั้น

ฉันจำทั้งหมดได้แจ่มชัด


And I was never good at telling jokes,

but the punch line goes

I'll get older, but your lovers stay my age

ฉันเป็นคนเล่นมุกไม่เก่ง

แต่นี่คือมุกเด็ด

"ฉันจะแก่ขึ้น แต่คู่รักคุณจากนี้จะอายุประมาณฉัน"

(หลังเลิกกับเทย์เลอร์มีข่าวลือว่าเจคเดตกับแอนนา

Jake เกิดปี 80

Anna Kendrick เกิดปี 85 Taylor เกิด 89)


From when your Brooklyn broke my skin and bones

I'm a soldier who's returning half her weight

จากครั้งที่คุณทำฉันปวดร้าวแทบขาดใจในบรุกลิน

ฉันผ่านสมรภูมิแห่งรักมาด้วยหัวใจที่ขาดวิ่น


And did the twin flame bruise paint you blue?

Just between us, did the love affair maim you, too?

สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเราทำคุณเจ็บปวดบ้างมั้ย

รู้กันแค่เรา รักระหว่างเรา

ทำหัวใจคุณขาดวิ่นเหมือนฉันมั้ย

(twin flame คล้ายคู่แท้ เนื้อคู่ แต่ลึกซึ้งกว่า

คล้ายจิตวิญญาณอีกครึ่งนึงของกันและกัน

เติมเต็มกัน)


Cause in this city's barren cold

I still remember the first fall of snow

And how it glistened as it fell

I remember it all too well

เพราะในความเย็นยะเยือกของเมืองนี้

ฉันยังคงจำหิมะแรกได้

และภาพที่มันร่วงลงพร้อมประกายแวววาว

ฉันจำทั้งหมดนั้นได้แจ่มชัด

(barren cold คือความหนาวที่ว่างเปล่า ไร้ชีวิตชีวา

อ้างว้าง ไร้ผู้คน โดดเดี่ยว)


Just between us,

did the love affair maim you all too well?

รู้กันแค่เรานะ

รักระหว่างเราทำหัวใจคุณขาดวิ่นเหมือนฉันมั้ย

(ใช้ the คือเจาะจงว่ารักนี้ของเรา)


Just between us, do you remember it all too well?

รู้กันแค่เรา คุณจำทั้งหมดนั้นได้แจ่มชัดมั้ย


Just between us,

I remember it (Just between us), all too well

รู้กันแค่เรานะ

ฉันจดจำ (รู้กันแค่เรา) ทั้งหมดนั้นได้แจ่มชัด


Wind in my hair, I was there, I was there

Down the stairs, I was there, I was there

ลมพัดผมฉันปลิว ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

ตรงตีนบันได ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น


Sacred prayer, I was there, I was there

It was rare, you remember it all too well

คำมั่นศักดิ์สิทธิ์ ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

สิ่งนั้นหาได้ยาก คุณจำทั้งหมดได้แจ่มชัด


Wind in my hair, I was there, I was there

Down the stairs, I was there, I was there

ลมพัดผมฉันปลิว ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

ตรงตีนบันได ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น


Sacred prayer, I was there, I was there

It was rare, you remember it

คำมั่นศักดิ์สิทธิ์ ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

สิ่งนั้นหาได้ยาก คุณจำมันได้


Wind in my hair, I was there, I was there

Down the stairs, I was there, I was there

ลมพัดผมฉันปลิว ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

ตรงตีนบันได ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น


Sacred prayer, I was there, I was there

It was rare, you remember it

คำมั่นศักดิ์สิทธิ์ ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

สิ่งนั้นหาได้ยาก คุณจำมันได้


Wind in my hair, I was there, I was there

Down the stairs, I was there, I was there

ลมพัดผมฉันปลิว ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

ตรงตีนบันได ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น


Sacred prayer, I was there, I was there

It was rare, you remember it

คำมั่นศักดิ์สิทธิ์ ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่ตรงนั้น

สิ่งนั้นหาได้ยาก คุณจำมันได้

.....................

สรุปแล้ว "ความรู้สึกมันก็จริง ณ ขณะนึง"

สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน

หลังจากเลิกกับเทย์เลอร์

เจคก็เดตกับสาวอีกอย่างน้อย 4 คน

(แฟนปัจจุบันคนที่ 4)

เทย์เลอร์ก็เดตกับหนุ่มมาอีก 8 คน (ปัจจุบันคนที่ 8)

และก่อนเจคและเทย์เลอร์มาเดตกัน

ทั้งคู่เคยมีแฟนมาแล้วสามคน

ข้อมูล ณ 31 ธ.ค. 66


เจคให้สัมภาษณ์ใน Esquire ว่า

"เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผม แต่มันเกี่ยวกับ

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟนเพลงของเธอ"

"It has nothing to do with me.

It’s about her relationship with her fans"

แถมบ่นกรายๆ ว่ามีแฟนเพลงเธอบางส่วน

ไปคอมเมนต์รังควานเขาทางออนไลน์


ความรักสร้างได้ มันคือการเกื้อกูลกัน หวังดีต่อกัน

ให้เกียรติกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน

ถ้าหลักศาสนาพุทธ ความรักมี 2 แบบ

1. บุพเพสันนิวาส รักที่เกื้อกูลกันมาในชาติก่อนๆ

ความรักแบบนี้ เจอก็จะถูกใจเลย ถูกชะตา

อยู่กันคนละจังหวัด คนละที่ก็มาเจอกัน เกื้อกูลกัน

2. ความรักเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

อาจไม่ใช่รักแรกพบ แต่อาศัยการทำดีต่อกัน

หวังดีต่อกัน นี่แหละถึงบอกไว้ว่า

"รักแท้สร้างได้"

สุดท้ายแม้บุพเพสันนิวาส

แต่หากไม่มีการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

ก็ต้องแยกทาง ร้างรากันในที่สุด


นิสัย สันดาน ความดีที่เสมอกัน ศีลที่เสมอกันก็สำคัญ

"ปัจจุบันสำคัญที่สุด

เราเลือกจะเป็นคนรักที่ดีได้ ทุกคน"


Fun fact: เพลงนี้ยาว 10 นาที 13 วินาที


ลูกมด: 31 ธ.ค. 66

"ไม่มีการแปลใดสมบูรณ์แบบ"


ผมเชื่ออย่างยิ่งว่ามีคนแปลเพลงนี้ได้ดี

และถูกต้องกว่าผม

อนาคตก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าคนคนนั้นจะเป็นผม


วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

แปลเพลง I Don't Know You Anymore-Savage Garden


วันนี้แปลหนึ่งในเพลงที่ผมรักดีกว่า

เพลงนี้ผมชอบนอนฟัง มันสบายๆ แต่เนื้อหาโคตรเจ็บ

แต่ก่อนคิดว่ามันคือการกลับไปหาแฟนเก่า

คนรักเก่าที่จบกันไม่ดี


แต่มาฟังวันนี้เพื่อแปล มันอาจหมายถึงลูกชายกับแม่

คนในครอบครัวที่ทะเลาะ แตกหักกัน

จนเวลาผ่านไป กลับบ้านเพื่อคุย

รู้สึกผิด อยากปรับความเข้าใจ (ก่อนสายไป ตายจากกัน)


I would like to visit you for a while

Get away and out of this city

Maybe I shouldn't have called but

Someone had to be the first to break

ฉันอยากมาเยี่ยมเธอสักพักใหญ่แล้ว

หนีให้พ้นๆ ออกจากเมือง (ที่ฉันอยู่)

บางทีฉันไม่ควรจะโทรมา

แต่มันต้องมีใครสักคนเริ่มทักหาก่อน


We can go sit on your back porch, relax

Talk about anything, It don't matter

I'll be courageous if you can pretend

That you've forgiven me

เราไปนั่งที่ระเบียงหลังบ้านเธอกัน ผ่อนคลาย

คุยอะไรกันก็ได้ ไม่สำคัญหรอก

ฉันคงจะมีความกล้าถ้าเธอแสร้งว่า

เธอให้อภัยฉันแล้ว


'Cause I don't know you anymore

I don't recognize this place

The picture frames have changed

And so has your name

เพราะฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว

ฉันจำสถานที่นี้ไม่ได้

พวกกรอบรูปถูกเปลี่ยนไปแล้ว

นามสกุลเธอก็เช่นกัน

(กรอบรูปหมายถึงรูปแหละครับ

รูปเก่าปลดทิ้ง เอารูปใหม่ๆ ขึ้นแขวนแทน

Name บริบทนี้แปลว่านามสกุล ไม่ใช่ชื่อ

จุดนี้ทำให้เชื่อว่าแฟนเก่าแต่งงานแล้ว

แต่ก็นั่นแหละ แม่หรือคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนนามสกุลได้)


We don't talk much anymore

We keep running from the pain

But what I wouldn't give to see your face again

เราแทบไม่ได้คุยกันแล้ว

เราคอยวิ่งหนีความเจ็บปวด

แต่ฉันยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง


Springtime in the city

Always such relief from the winter freeze

The snow was more lonely than cold

if you know what I mean

ฤดูใบไม้ผลิในเมือง

บรรยากาศช่างผ่อนคลาย ไร้ลมหนาวเย็นยะเยือก

หิมะนำพาความเหงามายิ่งกว่าความหนาวอีก

เธอน่าจะเข้าใจที่ฉันพูด


Everyone's got an agenda

Don't stop, keep that chin up,

you'll be alright

Can you believe what a year it's been

Are you still the same?

ทุกคนล้วนมีเป้าหมายของตัวเอง

อย่าหยุด เชิดหน้าไว้

เธอจะไม่เป็นไร

เหลือเชื่อเลยเนอะว่ามันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว

เธอยังคงเหมือนเดิมมั้ย


Has your opinion changed?

ความคิดเธอเปลี่ยนไปรึยัง


'Cause I don't know you anymore

I don't recognize this place

The picture frames have changed

And so has your name

เพราะฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว

ฉันจำสถานที่นี้ไม่ได้

พวกกรอบรูปถูกเปลี่ยนไปแล้ว

นามสกุลเธอก็เช่นกัน


We don't talk much anymore

We keep running from the center stage

But what I wouldn't give to see your face again

เราแทบไม่ได้คุยกันแล้ว

เราคอยวิ่งหนีจากการเป็นจุดสนใจ

แต่ฉันยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง


I know I let you down

Again and again

ฉันรู้ว่าฉันทำให้เธอผิดหวัง

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


I know I never really treated you right

I've paid the price

I'm still paying for it every day

ฉันรู้ว่าฉันไม่เคยดูแลเธอให้ดีเลย

ฉันได้รับผลของมันแล้ว

ฉันยังคงรับผลจากสิ่งที่ทำไว้ทุกๆ วัน


So maybe I shouldn't have called

Was it too soon to tell?

What the hell

It doesn't really matter

ดังนั้น บางทีฉันไม่ควรจะโทรหาเลย

มันเร็วเกินไปที่จะบอกเหรอ

ช่างแม่งปะไร

มันไม่สำคัญเลย


How do you redefine something

that never really had a name?

เราจำกัดความสิ่งที่ไม่เคยมีชื่อเรียกมาก่อนไม่ได้หรอก

(ความสัมพันธ์นี้ซับซ้อน ไม่มีทางจำกัดความได้)


Has your opinion changed?

ความคิดเธอเปลี่ยนไปรึยัง


'Cause I don't know you anymore

I don't recognize this place

The picture frames have changed

And so has your name

เพราะฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว

ฉันจำสถานที่นี้ไม่ได้

พวกกรอบรูปถูกเปลี่ยนไปแล้ว

นามสกุลเธอก็เช่นกัน


We don't talk much anymore

We keep running from the pain

But what I wouldn't give to see your face again

เราแทบไม่ได้คุยกันแล้ว

เราคอยวิ่งหนีความเจ็บปวด

แต่ฉันยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง


To see your face

To see your face

เพื่อพบหน้าเธออีกครั้ง

เพื่อเห็นหน้าเธออีกครั้ง

...................

ส่วนตัวก็รีเลตกับผมเหมือนกัน

เพราะมีเพื่อนสนิทสมัยม.ต้นที่ตายไปหลายปีก่อน

ซึ่งถ้าย้อนกลับไปได้คงอยากไปคุยกับเขา

ถามสารทุกข์สุกดิบ ชีวิตมึงเป็นไงบ้างวะ

แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว

หากเพลงนี้จะสอนอะไรบ้างก็คงเป็นตรงนี้

คนเราเกิดมาต้องตาย ถ้าผิดใจคนในครอบครัว

เพื่อนฝูง ลองลดทิฏฐิ ปรับความเข้าใจดูเมื่อมีโอกาส

แม้มันจบไม่สวย แต่ก็ได้พยายามแล้ว


แด่เพื่อนผม "มิสเตอร์ด่อน"


ทุกความคิดมีที่มา: ลูกมด



วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566

แปลเพลง Mr. Brightside - The Killers: อังกฤษปุ๊กปิ๊ก

 

ข่าวร้าย! เพลงนี้ต้องตีความครับ แปลยาก!

แต่นั่นคือคุณสมบัตินึงของเพลงอมตะ

คนฟังตีความต่างกันไปตามประสบการณ์ มุมมองตัวเอง

>> เพลง Mr. Brightside อยู่ในอัลบั้ม Hot Fuss (2004) <<


จากบทความใน BBC แบรนดอน (นักร้อง) เขียนเพลงนี้

> คลิกอ่านบทความ

ช่วงอายุ 19-20 ปี หลังจบความสัมพันธ์จริงจังครั้งแรก

(ปัจจุบันแบรนดอนอายุ 42 / เกิดปี 1981)

อาจเรียกได้ว่าเขียนให้การอกหักครั้งแรก

เพราะแฟนนอกใจ

โดยแบรนดอน ฟลาวเวอร์สบอกว่า

"I was asleep and I knew something was wrong,

I have these instincts.

I went to the Crown and Anchor

and my girlfriend was there with another guy."


"ผมตื่นกลางดึกและรู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่

ผมสังหรณ์ใจไม่ดี

จึงไปผับคราวน์แอนด์แองเคอร์

(ผับใน Las Vegas บ้านเกิดเขา)

และแฟนผมอยู่ที่นั่นกับผู้ชายคนอื่น"


เพลงนี้ปล่อย 29 ก.ย. 2003 ครบ 20 ปีแล้ว

(วันนี้ 24 ธ.ค. 2023)



Coming out of my cage

And I've been doing just fine

Gotta gotta be down

Because I want it all

เพิ่งออกจากกรงของฉัน

และตั้งแต่ออกมาก็ยังสบายดีอยู่

ต้องลุยเต็มที่ไม่ยั้ง

เพราะฉันต้องการหมดทุกสิ่ง


It started out with a kiss

How did it end up like this?

It was only a kiss, it was only a kiss

มันเริ่มต้นจากจูบเดียว

ไหงจบลงแบบนี้

มันก็แค่จูบเดียว มันก็แค่จูบเดียว


Now I'm falling asleep

And she's calling a cab

While he's having a smoke

And she's taking a drag

ตอนนี้ฉันกำลังผล็อยหลับ

และเธอเรียกแท็กซี่

ขณะที่เขากำลังสูบบุหรี่

และเธอก็ซี๊ดบุหรี่


Now they're going to bed

And my stomach is sick

And it's all in my head

But she's touching his chest now

He takes off her dress now

Let me go

ตอนนี้พวกเขากำลังจะเข้านอน

และท้องไส้ฉันปั่นป่วน

และฉันมโนภาพทั้งหมดในหัว

แต่ตอนนี้เธอกำลังลูบไล้อกเขา

เขาถอดชุดเธอออกแล้ว

ปล่อยฉันไป


And I just can't look, it's killing me

And taking control

ฉันทนมองไม่ได้จริงๆ มันโคตรปวดใจ

และครอบงำฉัน


Jealousy, turning saints into the sea

Swimming through sick lullabies

Choking on your alibis

ความหึง มันเปลี่ยนนักบุญเป็นทะเลได้

จมอยู่ในเพลงกล่อมเด็กที่โคตรน่าอึดอัด

เชื่อคำแก้ตัวของเธอไม่ลงเลย


But it's just the price I pay

Destiny is calling me

Open up my eager eyes

'Cause I'm Mr. Brightside

แต่มันคือราคาที่ฉันต้องจ่าย

โชคชะตามันเรียกหาฉัน

เปิดตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉัน

เพราะฉันมันนายโลกสวย


เพลงนี้ verse สองเกือบเหมือน verse แรกเป๊ะ

และ verse นี้จะมีคำอธิบายเพิ่มเติม


I'm coming out of my cage

And I've been doing just fine

Gotta gotta be down

Because I want it all

ฉันเพิ่งออกจากกรงของฉัน

(สื่อถึงการได้รู้ความจริงว่าแฟนนอกใจ)

และตั้งแต่ออกมาก็ยังสบายดีอยู่

(ตั้งแต่รู้ความจริงก็ยังไหว ยังอยู่ได้)

ต้องลุยเต็มที่ไม่ยั้ง

เพราะฉันต้องการหมดทุกสิ่ง

(Gotta gotta be down ต้องจัดเต็ม ลุยเต็มที่

เพื่อให้ได้อะไรสักอย่างมา ทุ่มเต็มร้อย)


It started out with a kiss

How did it end up like this?

(It was only a kiss), it was only a kiss

มันเริ่มต้นจากจูบเดียว

ไหงจบลงแบบนี้

(มันก็แค่จูบเดียว) มันก็แค่จูบเดียว

(จูบเดียวตรงนี้หมายถึงจูบเดียว

ระหว่างเขากับแฟน

แต่ไหงสุดท้ายกรูโดนนอกใจได้ฟระ)


Now I'm falling asleep

And she's calling a cab

While he's having a smoke

And she's taking a drag

ตอนนี้ฉันกำลังผล็อยหลับ

และเธอเรียกแท็กซี่

ขณะที่เขากำลังสูบบุหรี่

และเธอก็ซี๊ดบุหรี่

(ดูจากเอ็มวีคือชายหญิงสูบเป็นเพื่อนกัน

taking a drag คือการสูบควันบุหรี่เข้าไป

ซี๊ดควันเข้าไปแหละ ได้ฟีลดี

และตั้งแต่ท่อนนี้ไปเขาก็เริ่มย่องตามแฟนไป)


Now they're going to bed

And my stomach is sick

And it's all in my head

But she's touching his chest now

He takes off her dress now

Let me go

ตอนนี้พวกเขากำลังจะเข้านอน

และท้องไส้ฉันปั่นป่วน

(รู้สึกไม่ดี กังวล หึง คิดมาก)

และฉันมโนภาพทั้งหมดในหัว

(พวกเขาเข้าห้องก็มโนต่อว่าจะทำอะไร)

แต่ตอนนี้เธอกำลังลูบไล้อกเขา

เขาถอดชุดเธอออกแล้ว

ปล่อยฉันไป


'Cause I just can't look, it's killing me

And taking control

ฉันทนมองไม่ได้จริงๆ มันโคตรปวดใจ

และครอบงำฉัน

(อาจเป็นความปวดใจหรือความหึงที่ครอบงำ)


Jealousy, turning saints into the sea

Swimming through sick lullabies

Choking on your alibi

ความหึง มันเปลี่ยนนักบุญเป็นทะเลได้

(ทะเลคือตัวแทนความปั่นป่วน ไม่นิ่ง มีคลื่นลม ไม่สงบ)

จมอยู่ในเพลงกล่อมเด็กที่โคตรน่าอึดอัด

เชื่อคำแก้ตัวของเธอไม่ลงเลย

(เพลงกล่อมเด็กมันควรปลอบใจ

ไม่ใช่ sick คือแย่ ทำให้กังวล ไม่สบายใจ)


But it's just the price I pay

Destiny is calling me

Open up my eager eyes

'Cause I'm Mr. Brightside

แต่มันคือราคาที่ฉันต้องจ่าย

(เมื่อเลือกจะย่องตามแฟนไปเอง

ราคาที่ต้องจ่ายคือต้องมาเห็น

ต้องปวดใจ ต้องรู้ความจริง)

โชคชะตามันเรียกหาฉัน

(ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้ เลี่ยงไม่ได้)

มันได้เปิดตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉัน

เพราะฉันมันนายโลกสวย

(สื่อว่า "ไงล่ะ ไอ้โลกสวย แต่เสือกระแวงแฟน ตามมาดู

สุดท้ายก็ได้มาเห็นกับตาตัวเองว่าแฟนมีคนอื่น สมหน้า

จากนี้ก็คงไม่โลกสวยแล้ว โตขึ้นแล้ว

อย่าไว้ใจ เชื่อใจใครง่ายๆ")


I never

I never

I never

I never

ฉันไม่เคย...

(ตรงนี้แล้วแต่จะตีความเช่นกัน)

อาจเป็น "ไม่เคยนึกว่าจะเจอแบบนี้

ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะถึงจุดนี้"

หรืออื่นๆ


..................

อย่างที่บอก เพลงนี้ต้องตีความ มันคลุมเครือ

แต่สิ่งนี้แหละมันทำให้เพลงเข้าถึงคนมากมาย

แล้วแต่ใครจะตีความตามเวอร์ชั่นของตัวเอง

ในเว็บ songmeanings มีคอมเมนต์เกี่ยวกับ

ความหมายของเพลงนี้ถึง 720 กว่าคอมเมนต์

บ้างก็ว่าเกี่ยวกับโสเภณี (อาจดูจากเอ็มวีประกอบ)

เว็บ Genius ก็อธิบายเนื้อเพลงได้ดีอีกเว็บ


แต่ทุกอย่างมีที่มา แบรนดอนก็บอกแล้วว่า

มันเกี่ยวกับความหวาดระแวงของเขาว่าแฟนนอกใจ

พอแอบไปดูก็เจอแฟนอยู่กับหนุ่มอื่นจริงๆ

และทำให้เขียนเพลงนี้ขึ้นมา

สรุปมันคือเพลงแห่งการโดนนอกใจแหละครับ

แต่ก็นั่นแหละ ตีความได้ในมุมคุณ ไม่มีผิด มีถูก

เพียงแต่ไม่ควรแปลเกินศัพท์หรือผิดจากศัพท์เกินไป


ลูกมด: 24 ธ.ค. 66


วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เมื่อผมติดโควิด 19: ประสบการณ์ติดโควิดสุดทรมาน

 

จากปี 2019 หลายคนน่าจะรอดทุกซีซั่น เหมือนผม

แต่สุดท้าย พ.ย. 2023 ผมก็ไม่รอด


"ผมติดโควิดจนได้" !!!


โดยอาการหนัก ไข้ขึ้น ไอรัวๆ นอนซม ยืนแทบไม่ไหว

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 66

ขอสปอยเลยว่าวันนี้ 22 ธ.ค. 66 ผมหายขาดแล้ว!


ติดมาจากไหน ???

1. เดินตลาด แม้ใส่หน้ากาก ถอดช่วงคนไม่เยอะ

2. ติดมาจากก๋วยจั๊บที่ซื้อมากิน หรือส้มตำ

3. ลิฟต์ในหอ อากาศไม่ถ่ายเท นิ้วจิ้มลิฟต์ มีเชื้อ

(หลักๆ สามจุดนี้ที่สงสัย)


อาการเป็นยังไง ???

จันทร์ที่ 13 พ.ย. 66 มีอาการวันแรก

สองวันแรกหนักมาก!!!

1. นอนซมตลอด ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ ปวดหัว

2. ไอแทบตลอด เจ็บคอ นอนแทบไม่ได้ ตะแคงนอน


เกิดอะไรขึ้นหลังนอนซมสองวัน ???

พอวันที่สาม พอเดินได้ แต่เวียนหัวอยู่

จากนั้นลิ้นเริ่มไม่ได้รส จมูกไม่ได้กลิ่น

อาการจมูกไม่ได้กลิ่นเป็นนานกว่าจะหมดเชื้อ

แต่ละเคสน่าจะต่างกันไป

ส่วนผมนั้นราว 16-18 วันถึงหมดเชื้อ

(กระทู้พันทิป บางคน 2-4 วันก็หมดเชื้อ)


ทีนี้ย้อนกลับไปหลังวันที่สาม อาการดีขึ้น

เดินได้ แต่มันยังไออยู่

ช่วงนี้เลยหายาอมมาลองเพียบ

ไว้จะบอกว่าอมอะไรบ้าง


หลังหมดเชื้อเกิดอะไรขึ้น ???

เมื่อผ่านไปราว 18 วัน ตรวจเอทีเค เหลือ 1 ขีด

มันยังไม่จบครับ!

ผมต้องเจอกับอาการลองโควิดต่อ

ตั้งแต่ช่วงวันที่ 2 ธ.ค.ไป (หมดเชื้อรว 1 ธ.ค.)

เช่นนั้นแล้ว อาการลองโควิดของผม

ยาวนานมา 20 วันถึงจะหาย


สรุปแล้วไข้หนัก 2 วัน

จากนั้นไอ ปวดกล้ามเนื้อราว 16 วัน

และมีอาการลองโควิด (ไอ ปวดกล้ามเนื้อ)

ต่อเนื่องอีก 20 วัน

รวมทั้งสิ้นจากที่นอนซมวันแรกจนหายไอ

(แต่ยังปวดกล้ามเนื้อ)


กว่าโควิดจะหายขาด ใช้เวลา 39 วัน

(13 พ.ย. 66 ถึง 22 ธ.ค. 66)

แต่เอาจริง วันนี้ 22 ธ.ค. ผมก็ยังไออยู่ แต่นานๆ ที


ตั้งแต่ติดเชื้อจนหายขาด ผมไม่ได้ไปโรงพยาบาล

ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐใดๆ

(เข้าถึงยากแหละ เอาจริง)

ช่วยเหลือตัวเองล้วนๆ ครับ

โดยซื้อยาจากร้านยา

และต้องขอบคุณคุณจิตตี้

ที่คอยส่งอาหาร

ส่งสเปรย์ฆ่าเชื้อ ส่งน้ำยาถูพื้นฆ่าเชื้อ

และยาอมให้


กินยาอะไรบ้าง ???

1. ไทลีนอลลดไข้สองเม็ด (สามสี่วันแรก)

2. AMK ยาฆ่าเชื้อ (ราว 20 ถึง 30 พ.ย.)

อันนี้ผิดนะ ควรกินอีกตัว

เพราะ AMK มันฆ่าเชื้ออีกแบบ ไม่ตรงเป้า

กินหมดแผง ดีขึ้น แต่ไม่หายไอ

ผมแจ้งเภสัชอีกร้านว่ากินยา AMK

เขาบอกว่ามันไม่ช่วยสำหรับฆ่าเชื้อโควิด

ควรเป็นยาที่ฆ่าเชื้ออีกแบบ ดังนั้นบอกเภสัช

ให้ละเอียดครับ บอกไปว่าเป็นโควิด

3. Loreze ยาแก้แพ้

(ราว 10 ถึง 21 ธ.ค./ ไม่ได้กินทุกวัน)



4. D-coate เม็ดเขียว (13 ถึง 16 ธ.ค.)



ผมน่าจะหายไอเพราะยาตัวนี้ D-coate

กับ Loreze ครับ

เจอเภสัชดีเลยได้ยาตัวนี้มา ลองโควิดเลยจบลง

เภสัชผู้ชายในร้านยาในเซเว่น ขอบคุณครับ


และในระหว่างนั้น ผมอมยาอมเพียบครับ

บรรเทาอาการไอ มันทรมานจริงๆ

แน่นอน พระเอกคือ 1.1 กำกิกเผี่ยง!!! อมเยอะสุด




อื่นๆ ก็มี

1.2. ตะขาบ 5 ตัว

2. Throatsil น้ำผึ้งกับส้ม

เสียดายไม่มี Throatsil Dex ตัวนั้นดีมาก

สี่ห้าปีก่อนผมไอแล้วกินตัวนี้ หายเลย

ได้ผลกว่ากำกิกเผี่ยงอีก



3. Strepsils แบบฆ่าเชื้อ

(เภสัชจ่ายให้/ ไม่ใช่ที่วางขายทั่วไป)

4. ยูอีคอฟ ซองสีน้ำตาล (ชุ่มคอ อมง่าย อร่อย)

5. มิสเตอร์เฮิร์บ

6. Propoliz


นอกจากนั้นก็มีน้ำผึ้งผสมมะนาว

ทำกินเอง อันนี้ไม่ค่อยช่วย

และข้อมูลจาก Tiktok คือกล้วยดิบฝาน

อันนี้ก็ไม่ค่อยช่วย

และถ้าใครอมยาจนปากเปื่อยหรือแสบปาก

เภสัชแนะนำให้ใช้ยาแบบพ่นคอแทน

ยาอมนี่แหละครับ แต่แบบสเปรย์พ่นเอา


สรุปยาแก้ไอนั้น D-coate ชนะเลิศ

กินตัวนี้ตั้งแต่แรก น่าจะหาย ไม่ต้องอมยาเยอะ


สุดท้ายแล้ว ขอเตือน!!!

นี่แค่กรณีของผมนะ ประสบการณ์ตรง

ทั้งนี้แต่ละคนย่อมต่างกันไป คุณกินยาเหมือนผมเป๊ะ

อาจได้ผลต่างกันไป อาจหายหรือไม่หาย


สำคัญที่สุดคือควรปรึกษาเภสัช เล่าอาการให้ละเอียด



ฝากไว้ก่อนจากครับ

ถ้าโควิดยังอยู่ ใส่หน้ากากไว้เสมอดีที่สุด

เลี่ยงที่คนแออัด ล้างมือ ฉีดแอลกอฮอล์บ่อยๆ


ขอให้ทุกคนรอดทุกซีซั่นตลอดไป


ทุกความคิดมีที่มา: ลูกมด