ค้นบทความอื่นๆ

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ชีวิตนักแปลซับไตเติล 3 (จบ) : สู่การเปลี่ยนแปลง (ที่แย่)

 



ตอนนี้ตอนจบครับ บ่นยาวหน่อย


ผมทิ้งท้ายในตอนก่อนว่าลาออกจากงาน

มาเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ (อังกฤษ - ไทย) เต็มตัว

เมื่อปี 2562


ผมเชื่อเสมอว่าทุกการเปลี่ยนแปลง

มันย่อมดีเสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่เราเลือกเอง

และกรณีนี้มันก็เป็นเช่นนั้นครับ (ในช่วงแรก)


จนเวลาผ่านไปราวหนึ่งปีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง


ผมได้รับอีเมลจากบริษัทแจ้งเรื่อง "ปรับลดค่าแปลลง!"

โดยบอกว่าเราจะทำงานง่ายขึ้น

เพราะบริษัทจะเอา "เครื่องแปล" เข้ามาช่วย

แล้วให้นักแปลอย่างเราแก้ไฟล์


ค่าแปลลดลงแค่ไหนน่ะเหรอ

ถ้าจะให้บอกก็ลดลงราว 35-45 % ครับ

ซึ่งนับว่าเยอะมาก เกือบครึ่งเลย!!!

สมมติถ้าได้เดือนนึง 20,000

เรตใหม่จะเหลือแค่หมื่นต้นๆ / ไม่เกิน 12,000


มันลงลดเยอะมาก!

และมันเป็นแบบนี้มาสามปีแล้ว และคงเป็นต่อไปยาว


ตอนแรกที่ได้อ่านเมล โมโหและเซ็งมากครับ

อยากเลิกแปลที่นี่ ไปหางานใหม่

แต่ก็คิดว่าช่วงโควิด บริษัทคงแย่

เราไม่อยากทิ้งบริษัทตอนที่เขาแย่

น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน


ก็เลยทำใจ ทำงานต่อไป


พร้อมกันกับที่บริษัทลดค่าแปล

เอาเครื่องแปลเข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุน

จนทำให้นักแปลอย่างผม

กลายเป็นคิวซีแก้งานแปลจากเครื่องแปล

บริษัทก็ได้พัฒนาโปรแกรมออนไลน์ขึ้นมา

(ก่อนนี้โปรแกรมแปลทำออฟไลน์)


ซึ่งการที่เราแปล (คิวซี) ใส่โปรแกรมอ่อนไลน์นี่แหละ

บริษัทน่าจะเอาสำนวนและคำแปลที่เราแก้ไป

เอาไปป้อนใส่เครื่องแปล

การที่ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ ไม่ใช่มโนเอง

แต่ผมเห็นสำนวนการแปลของตัวเอง

ในงานที่เครื่องแปลแปลมา

การใช้ศัพท์ของเรา เราจะจำได้ ไม่มากก็น้อย

และที่สังเกตเห็นเด่นชัดคือเครื่องแปล

สามารถแปลได้เก่งขึ้น ดีขึ้นตามลำดับ

แสดงว่ามีการป้อนข้อมูลใหม่ๆ เข้าไปแน่นอน


อีกอย่างมันเป็นคอมมอนเซนส์ด้วย

บริษัทย่อมอยากพัฒนาเครื่องแปล

แล้วจะเอาข้อมูลจากไหนมาป้อน

ก็ต้องเอาข้อมูลที่เหล่านักแปลแก้งานส่งไปนี่แหละ

"จริงมั้ยครับ"


มันดีต่อเรานะที่เครื่องแปลแปลได้ดีขึ้น

เพราะเราก็ทำงานง่ายขึ้น

แต่ที่แย่คือเราได้แค่ค่าแก้งานปกติ

ทั้งที่ควรได้ในส่วนที่ช่วยพัฒนาเครื่องแปล

เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตอันไกล

เมื่อเครื่องแปลทำงานได้ดีขึ้น นักแปลอาจตกงาน


สิ่งที่แย่อีกอย่างคือ

เราไม่มีสหภาพแรงงานแบบถูกกฎหมาย

ไว้ต่อรองค่าแปลกับบริษัท เขาลดค่าแปล เราต้องยอม

ถ้าไม่ยอมก็ต้องหางานใหม่

ซึ่งมันไม่แฟร์เลย เรารู้สึกว่าเขาไม่ให้ค่านักแปล


ทูบีแฟร์ อาจมองได้ว่าก็เขาทำธุรกิจ

เขาต้องลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด ก็ถูกแล้ว


จริงครับ เข้าใจได้ แต่แบบนั้นมันจะยั่งยืนเหรอ

และอาจมีคนบอกว่าก็เขาใช้เครื่องแปล

คุณก็ทำงานง่ายขึ้นไง

จริงบางส่วนครับ

ผลงานช่วงแรกของเครื่องแปล ผมให้เกรด C+

ตอนนี้ให้ B (พัฒนาขึ้นมาหน่อย)

แต่ผมก็ยังไม่ชอบอยู่ดี

นักแปล ชอบแปลครับ ไม่ได้ชอบแก้

โดยเฉพาะการแก้งานห่วยๆ มันรกสมอง

มันมีผลต่อสมอง เหมือนการอ่านอะไรแย่ๆ

สิ่งที่เครื่องแปลยังคงทำไม่ได้คือ

มันไม่เข้าใจบริบททั้งหมดจึงแปลผิดบ่อยๆ

สรรพนาม มันแปลไม่ได้เลย

มันไม่รู้เพศตัวละคร

ศัพท์ยากๆ ศัพท์เฉพาะ มุก แปลผิดบ่อย

โดยรวม ถ้าเลือกได้ ขอแบบเก่า

ขอแปลเองทั้งหมด มันสนุก ได้ใช้จินตนาการ

แปลแกรมแปลออนไลน์ที่เอามาใช้ใหม่

หน่วง ช้า Error บ่อยมาก

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีเลย


ผมเชื่อว่าการทำธุรกิจมันควรมีความแฟร์ด้วย

ควรมีระบบและการจัดการที่ดี

ให้เกียรติและเห็นค่าคนทำงาน ทำเงินให้คุณ

ไม่ใช่สักแต่จะเอา ขูดรีด บีบคั้นกันเกินไป

มันควรมีการทดสอบ จัดเรตนักแปลทุกปี

จ่ายเงินตามความสามารถ

บีบให้นักแปลพัฒนาฝีมือ เพื่อเงินที่มากขึ้น

แบบนั้นมันจะสร้างสรรค์มาก

แต่ก็ต้องมีคนจัดการตรงนี้ เพื่อให้วงการนักแปล

เติบโตอย่างสร้างสรรค์และน่าอยู่

ผมเชื่อว่าถ้าคุณแปลดีจริง

สตรีมมิ่งหลายเจ้าพร้อมจ่าย

ขอแค่คุณแปลดีจริง มีองค์กรนักแปลอะไรสักอย่าง

จัดเรตนักแปล รับประกันให้เขา เขาพร้อมจ่าย


ตอนแรกที่สตรีมมิ่งเข้ามา

นักแปลอย่างผมดีใจมาก เพราะมันหมายถึงงานเยอะ

เงินก็น่าจะเยอะตาม


แต่สามปีมานี้เห็นชัดแล้วว่าวงการการแปลโดยรวม

มันแย่ลงมากๆ มีการกดราคาบ้าง หลอกลวงบ้าง

แต่คงไม่ได้แย่ไปซะหมด

อาจมีมุมดีบ้าง คอมเมนต์แบ่งปันพูดคุยกันได้ครับ


สุดท้ายนี้ แม้มันจะแย่ที่โดนลดเงิน

แต่สิ่งที่ดีมากคือผมยังมีงานทำ พอประคับประคอง

จนผ่านช่วงโควิดมาได้

จุดนี้ต้องขอบคุณบริษัทที่ให้งานเรา มั่นคงระดับนึง


และเราก็ผิดครึ่งนึงที่ไม่หางานใหม่

หาอาชีพเสริม ช่องทางอื่นๆ

แต่ขอบอก พูดง่าย ทำยากครับ


ได้แต่หวังว่าหลังเลือกตั้ง เราจะได้รัฐบาลใหม่ที่ดี

ผลักดันให้มีสหภาพแรงงานถูกกฎหมาย

ให้เรามีปากมีเสียงต่อรองกับนายจ้าง นายทุนได้

ไม่ใช่ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างที่นายจ้างบอก


"กาก้าวไกล (ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล)

ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม"

ผมไม่ใช่ติ่งส้มครับ


แต่ผมติ่งนโยบายดีๆ ไม่ว่าพรรคไหน

ถ้านโยบายดี มันก็ดี

เหมือนความดี ใครทำมันก็ดี

และคนดีไม่มี มีแต่คนทำดี

ความเลว พระทำ มันก็เลวครับ

ความดี โจรทำ มันก็ดี

(แต่จะบอกว่าผมติ่งส้ม ผมก็ยินดี so far ผลงานเขาดีจริง)


หวังว่าจากนี้เราจะมุ่ง "สู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี"


ถ้าการเมืองดี ชีวิตเราก็จะดี : นักแปลพุงเต่ง


ไม่มีความคิดเห็น: